โรคงูสวัดคืออะไร ?

เที่ยวท้องถิ่น life a local

ก่อนอื่นชาวเที่ยวท้องถิ่นต้องรู้จักเจ้าตัวร้ายนี่สักหน่อย การติดเชื้อไวรัสวาริเซลลา (varicella virus)”เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคสุกใส  เชื้อไวรัสนี้เมื่อเริ่มเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เป็นโรคสุกใส เมื่อหายจากโรคนี้แล้วเชื้อจะไปหลบซ่อนอยู่ในปมประสาทของร่างกาย ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้เวลานานหลายปี โดยไม่มีอาการผิดปกติใดๆเมื่อเวลาที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติ เช่น อ่อนเพลีย พักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน เชื้อที่แฝงตัวอยู่ก็จะแบ่งตัว เพิ่มจำนวนทำให้เส้นประสาทอักเสบ เกิดการปวดตามแนวเส้นประสาท และปล่อยเชื้อไวรัสออกมาที่ผิวหนังตามแนวเส้นประสาท

อาการของโรคงูสวัดที่เราอยากแชร์ ?

เที่ยวท้องถิ่น life a local

1-3 วันแรกที่เริ่มเป็น พบผื่น ที่ขา เอว มองดูก็คล้ายๆตุ่มเหงื่อ(ปลายๆเดือนเมษา 2564) วันแรกแสบที่บริเวณระหว่างช่องจมูก วันที่สองมีอาการปวดตาทั้งสองข้าง ด้วยวันนั้นมีการจ้อง เพ่ง คอมฯ เร่งเช็คงานแบบละเอียด และรู้สึกว่าตัวเองเครียด หงุดหงิดง่าย พร้อมกับปวดขมับ ฝั่งซ้าย หนักๆหางตาซ้าย วันที่สาม มีอาการปวด เสียวบริเวณฟัน แถวบน ช่วงฟันกราม ฝั่งซ้าย ปวดแบบโดนฟันตรงนั้นไม่ได้เลย ทั้งเสียว และจี๊ดไปที่สมอง และมีอาการกระตุกแบบกระแสไฟฟ้าขึ้นไปที่บริเวณหน้าจิตตกเลย เป็นไรหว่า!?! ทั้งหาอ่านบทความโรงพยาบาลต่างๆตามกูเกิล อาการเส้นเลือดสมองมั้งล่ะ ฟันผุมั้งล่ะ มะเร็ง อัมพาตครึ่งซีกบลาๆๆ..ถามเพื่อนเภสัช พยาบาลตา บอกงงอาการ มันไม่สัมพันธ์กันเลย วิตกไปเปล่า? ทนไหวไหม หรือแค่รำคาญ?! เพื่อนเลยแนะนำให้ไปซื้ออะม็อกซี่ บลูเฟ่น ฟ้าทลายโจร มากิน (ในใจก็หวั่นๆ หรือจะเป็นโควิด!!)

จนวันที่สี่(1 พค 2564) สุขสันต์วันแรงงาน ตัดสินใจไปโรงพยาบาลสินแพทย์ เพราะที่ปากมีผื่นขึ้นเป็นตุ่มแดงๆใต้จมูกจนถึงริมฝีปากฝั่งซ้าย ตอนแรกสันนิษฐานเองจากการอ่านมาว่าเป็นไซนัสอักเสบ เพราะเดิมเคยมีอาการภูมิแพ้ พบคุณหมอเรียบร้อยคุณหมอเฉพาะทางสมองบอกว่า..ใช่เลย ตามตำราเป่ะๆๆเป็น “งูสวัด” วาดภาพประกอบ อธิบายเรียบร้อย พร้อมขู่เบาๆว่านี่เพิ่งเป็นความเจ็บปวดที่เริ่มต้น จะทวีคูณ คูณ xxx .. แบบที่สุดของความทรมารไปอีก 2-4 สัปดาห์ (ใจแป้ว!!) แล้วก็ให้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางผิวหนังอีกท่านเพื่อให้ยืนยันเชื้อจากอาการอีกที อาจารย์หมอลงความเห็นว่าใช่!!..หลังจากนั้นก็ได้รับยาต่างๆและได้ทำการนัดให้มาพบอีกทีในวันที่ 5 พค 2564 พร้อมทั้งให้เตรียมมาเจาะเลือดเพื่อหาโรคแทรกซ้อนต่างๆหรือสาเหตุหลักที่อาจมาพร้อมกับอาการนี้ เช่น เบาหวาน hiv ค่าต่างๆของ ตับ ไต ปอด บลาๆๆ

เที่ยวท้องถิ่น life a local

———> หลังจากนั้นก็ไปพัก wfh พร้อมทานยาตามกำหนด ยาฆ่าเชื้อเวลาต่อวัน ต้องตั้งนาฬิกาปลุกทานยากันเลยทีเดียว ปิดแมส เพราะหน้าเริ่มเห็นแผลชัดเจน ทน ชินตามอาการ กินๆๆ ไปด้วยความเจ็บปวด เคี้ยวตรงที่เจ็บนั่นละ มันส์ สะใจดี จนครบตามกำหนดนัด——

 ณ วันนัด (5 พค 2564) มาเจาะเลือด น่าจะเจาะไปสัก 4 หลอดได้ ผลออกทุกอย่างดีหมด ตับ ไต ปอด น้ำตาล เบาหวาน hiv ไม่พบ แต่มาด้วยอาการไข้ขึ้น จะแตะ 40 องศา เข้าใจคำว่า ทนพิษบาดแผลไม่ไหว อิอิ(เลิ่กลั่กทั้งแผนก เมื่อวัดไข้ มองหน้า เปล่าน้าาา เราไม่ได้เป็นโค..) พบคุณหมอวิเคราะห์แล้วว่ายาที่ให้ไปทานเอง เอาไม่อยู่แล้ว มีทีท่าลุกลามมาที่แก้มและจะไปที่ตา เลยให้แอดมิดและจะต้องเพิ่มโดสยาที่แรงขึ้นเป็นการฉีดเข้าเส้นเลือดดำแทน และต้องมีคุณหมอเฉพาะทางโรคติดต่อที่ต้องเข้ามาร่วมรักษาครั้งนี้ด้วย แต่ด้วยระเบียบของโรงพยาบาลก่อนการแอดมิดในโรงพยาบาลจะต้องมีการตรวจหาการติดเชื้อโควิดด้วย ผลตรวจโควิดออกมาก็เป็นลบ เลยได้นอนแอดมิดไปเลยยาวๆ ตั้งแต่วันที่ 5 พค 2564 เป็นต้นไป เริ่ม drip เป็นยาตัวที่แรงยาฆ่าเชื้อให้ทางเส้นเลือด ปวดเส้นเลือดมาก พอบวม ก็เจาะใส่เส้นใหม่ เพราะเส้นหนึ่งจะรับยาได้แค่ 2 กระปุกในวันแรกๆเส้นนั้นก็เสีย หลังๆมา 1 เส้นเลือดดำรับได้แค่ 1 กระปุก ต้องหาเจาะใหม่สลับไปมาที่ข้อมือทั้งสองข้าง (เจ็บๆก็ตอนเจาะนี่ล่ะ) มียาทานหลังมื้ออาหาร ทำความสะอาดแผลหน้าให้ พร้อมทายา คุณหมอเฉพาะทางโรคติดต่อได้มาตรวจบอกยาครบล่ะนะรักษาเต็มสตรีมแบบ 5 วัน และคุณหมอก็มาตรวจเยี่ยมอาการกันครบทุกท่านตลอดการรักษา และคุณหมอเจ้าของไข้คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะกลับบ้านได้ล่ะ (9 พค 2564) ถือเป็นข่าวดีไม่น้อย แอบยิ้มในใจ…

—- วันนี้ (9 พค 2564 ) ดีใจตื่นแต่เช้า คุณหมอเฉพาะทางโรคติดต่อมาเยี่ยม ทักเราเฉยว่าเอ่ะ!ปากเบี้ยวนะเวลายิ้ม ลองยิ้มยิงฟันสิ ใช่เลย!! ลองหลับตาสิ เริ่มมีอาการทางตาไม่ขยับ เหมือนเจ้าไวรัสกำลังจู่โจมเส้นประสาทคู่ที่ 7 ความเห็นคุณหมอเฉพาะทางโรคติดต่อ คือจะต้องต่อยาให้แบบโอเวอร์โดสเพิ่มเป็น 7 วัน นั่นหมายความว่า ใส่หนักแบบสุดๆไปเลย ส่วนคุณหมอเฉพาะทางสมองเจ้าของไข้ก็ทดสอบระบบตาพบว่ากล้ามเนื้อตายังทำงานโอเคอยู่แต่เพื่อความสบายใจเลยสรุปว่าให้นอนดูอาการอีกซักหนึ่งวัน (อดกลับบ้านเลย) นอนดูอาการต่อไป ( 11 พค 2564 ) คุณหมอเฉพาะทางผิวหนังมาตรวจไข้ พอเห็นหน้าเราสีหน้าไม่ค่อยดีเลย ทำไมตาซ้ายดูไม่ค่อยขยับ ยิ้มมุมปากซ้ายไม่ขยับ .. (ซวยละตรู คิดใจใน อาการหน้าเบี้ยวมาแล้ว) หลังจากนั้นคุณหมอเฉพาะทางสมองก็มาตรวจไข้ต่อก็มาฟันธงกลับบ้านยังไม่ได้แล้ว มันจู่โจมเส้นประสาทหลังหูที่ควบคุมการทำงานโซนหน้าซีกซ้าย ต้องไปพบคุณหมอเฉพาะทางตาเพิ่มอีกหนึ่งท่านดูว่าได้ขึ้นไปถึงประสาทตาไหม เดชะบุญ ไปพบคุณหมอตา ตรวจแล็ป ทางเครื่องมือ พบว่า มาถึงแค่เปลือกตาล่าง ยืนยันว่าไม่เข้าตาไม่งั้นงานงอก มีอาการของการปิดตาซ้ายไม่สนิท และมีแผลที่ตาดำเล็กน้อย จะทำให้เวลานอนมีปัญหากับลูกตาดำ จะเกิดแผลและเป็นอันตรายได้ ไว้มาต่อเรื่องการคุกคามเส้นประสาทคู่ที่ 7>>> ไปดูความร้ายกาจของเจ้าไวรัส หวิดทำหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท ต่อ EP.2

เที่ยวท้องถิ่น life a local

—-งานนี้ถ้าไม่มีประกันชีวิตต้องเจ็บตัวหนักมาก ต้องขอขอบคุณเพื่อนร่วมงานที่เคี่ยวเข็ญให้เห็นความสำคัญของการวางแผนการเงินโดยทำประกันไว้ในยามเจ็บป่วย เพราะตอนแรกก็คิดว่าตัวเองแข็งแรงอยู่ไม่มีอะไรหรอก ไม่งั้นเงินที่มีไว้ใช้จ่ายเก็บออมคงหมดไปกับการเยียวยาตัวเองในครั้งนี้ ยอดการรักษาในครั้งนี้หลายแสนบาท เราได้ใช้เงินส่วนตัวตอนตรวจผู้ป่วยนอกครั้งแรกเองจำนวน 4,000 บาท ที่เหลือก็มีประกันของกรุงเทพประกันชีวิต ที่เป็นเจ้ามือดูแลให้ครั้งนี้ (ใครสนใจเราแนะนำให้นะ)ตัวแทนเขาดูแลดี แนะนำโรงพยาบาลที่มีอาจารย์หมอที่เก่งและเชี่ยวชาญ ขอบคุณคุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกท่านของ รพ สินแพทย์ รามอินทรา ที่ดูแลและรักษาอย่างเต็มที่(เพราะแอบจิตตกทุกครั้งที่เจออาการอะไรแปลกๆก็รีบแจ้งบันทึกอาการเพราะมันใกล้พวกเส้นประสาทต่างๆบนหน้า ตา หู จมูก ปาก มาครบ)ขอขอบพระคุณมากครับ

และขอขอบคุณมิตรภาพจากทุกท่านที่เป็นห่วงใยถามไถ่กันมานะจ้า..ขอขอบคุณบอสๆและครอบครัว ทีมน้องๆเพื่อนร่วมงานที่ช่วยจัดการงาน ลูกค้าที่เข้าใจรอบางงานได้ .. มันดูไม่อันตรายแต่มันเป็นโรคที่ร้ายแรงทีเดียว ที่สามารถทำลายระบบประสาทภายในได้ถึงกับหูหนวก ตาบอดได้เลยนะ  สุดท้ายดูแลสุขภาพด้วยปลอดภัยกันทุกคนจากโควิดและโรคภัยต่างๆ ~ด้วยรัก จากใจ

ไปดูความร้ายกาจของเจ้าไวรัส หวิดทำหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท ต่อ EP.2

เที่ยวท้องถิ่น