วัดแสงแก้วโพธิญาณ
เที่ยวท้องถิ่นพาสายบุญไหว้พระขอพร ณ วัดแสงแก้วโพธิญาณ ก่อนอื่นมารู้จักสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แหงนี้ก่อน แสงแก้วโพธิญาณ แปลว่า ดอกบัวที่ผุดโผล่ขึ้นพ้นน้ำ แล้วมีแสงสว่างเรืองรองเหมือนแสงแก้ว โดยพระครูบาอริยชาติ ท่านเกิดนิมิตว่า ฝนตกหนักมาก มองอะไรก็ไม่เห็น ครูบาก็เดินหลงไปหลงมาอยู่บนภูเขาสักพัก ก็ได้เห็นป่าทั้งป่าบนภูเขา มีดอกบัวบานเต็มไปหมด มีแสงสว่างไสวสวยงาม ครูบาจึงคิดชื่อได้จากเหตุนิมิต ที่เห็นแสงเรืองรองเหมือนแสงแก้ว กลายเป็นดอกบัว อีกนัยหนึ่งคือ โพธิญาณ หมายถึง หยั่งรู้ เหมือนบัวที่ผุดโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ แล้วเปล่งแสง คล้ายแสงแก้ว จึงได้ตั้งเชื่อว่า “วัดแสงแก้วโพธิญาณ”
วัดแห่งนี้สร้างโดยท่านพระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต คณะศรัทธาบ้านป่าตึง และศิษยานุศิษย์ ผู้ซึ่งเป็นพระนักคิดนักสร้าง เป็นผุ้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม จรรโลงพระพุทธศาสนา เจริญรอยตามครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยอยู่แล้ว จึงได้คิดสร้างวัดใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นพุทธสถาน เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวเที่ยวท้องถิ่น หลังจากนั้นท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตได้ทำการสำรวจพื้นที่ ที่จะก่อสร้างวัด กับพ่อหลวงยา ศรีทา และคณะศรัทธาบ้านป่าตึง ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต จึงได้เดินไปจนถึงยอดเนินของสถานที่แห่งนั้น และได้จุดธูปเทียน พร้อมทั้งกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล และตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากสถานที่แห่งนี้ แม้เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่อันเป็นมังคละคู่บารมีท่านในการที่จะได้จรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไป แล้ว ขอให้ได้ที่ดินผืนนี้มา”
เมื่อท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตตั้งจิตอธิษฐานเสร็จแล้ว พ่อหลวงยา ศรีทา ได้เชิญเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นผู้มีฐานะดีมาพบกับท่านครูบาเพื่อพูดคุยปรึกษา หารือในเรื่องการสร้างวัดบนของที่ดินผืนนี้ เจ้าของที่ดินได้ถวายที่ดินประมาณ 19 ไร่เศษให้กับท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตเพื่อสร้างวัดอย่างง่ายดาย สร้างความประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคณะผู้ติดตามท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เป็นอย่างมากหลังจากที่เจ้าของที่ดินได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตได้ร่วมกับคณะศรัทธาปรับปรุงพื้นที่ พร้อมระบบสาธารณูปโภค เมื่อศิษยานุศิษย์ คณะศรัทธาและผู้ที่นับถือ ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ทราบข่าวการสร้างวัด ได้แสดงความจำนงค์ในการร่วมสมทบทุน สร้างวัดเป็นจำนวนมาก
พุทธศิลป์และงานสถาปัตยกรรมวัดแสงแก้วโพธิญาณ
พุทธศิลป์และศิลปะต่างๆ ที่อยู่ภายในวัดแสงแก้วโพธิญาณนั้นออกแบบสถาปัตยกรรม โดย พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณซึ่งผสมผสานระหว่าง โลกธรรม แสดงออกถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวพุทธในดินแดนล้านนาอย่างชัดเจน แล้วยังมีการผสานงานศิลป์ 3 รูปแบบไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนคือ ศิลปะล้านนา ศิลปะไต (ไทยใหญ่) และศิลปะพม่า ซึ่งล้วนมีนัยที่สื่อความหมายในเชิงธรรมะและแฝงหลัก “พุทธธรรม” อันลึกซึ้งเอาไว้ แทบทุกองค์ประกอบของวัด
ซึ่งการออกแบบวัดนี้พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ท่านออกแบบเป็นชั้นๆ ชั้นแรกเมื่อเข้ามาจะเห็นรูปเหมือนแทนพระพุทธเจ้า 4 พระองค์คือพระกกุสันธพุทธเจ้าพระโกนาคมนพุทธเจ้าพระกัสสปพุทธเจ้าพระโคตมพุทธเจ้ามีสิงห์คู่ตัวใหญ่ซึ่งครูบาเปรียบเทียบเป็นปริศนาธรรมเหมือนพ่อกับแม่ของพระศรีอริยเมตไตรยมานั่งรอพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้แล้วมาโปรดโลกในภายหน้าเหมือนคนเราทั้งหลาย
ชั้นสองตรงบันไดจะมีนาค 3 หัว และจะมีตัวกินนาคอีก 3 ตัว ซึ่งเป็นปริศนาธรรม หมายถึง กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ทั้งหลาย แล้วยังหมายถึงว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ความตามครอบงำคนเราทั้งหมดส่วนนาค 3 หัว ก็หมายถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และตัวกินนาค 3 ตัว หมายถึง ชรา พยาธิ มรณะ คือ เทวทูต 3 เพราะไม่สมถนะ ถ้าหากมีสมณะด้วยจะเป็น เทวทูต 4 แต่นี่ไม่รวมสมณะ ดังนั้นที่พระพุทธเจ้าเห็นจึงมี ชรา พยาธิ และมรณะ
เดินขึ้นมาถึงชั้นที่ 2 เป็นพุทธาวาสเป็นเขตของพระพุทธเจ้า เป็นที่ทำสังฆพิธีต่างๆ มีอุโบสถ วิหาร หอไตร มีปราสาท 16 หลัง แทนพรหม 16 ชั้น มีศาลา 16 ห้อง แทน 16 ชั้นฟ้า
ขึ้นมาถึงชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่ตั้ง กุฏิ ของพระครูบาอริยชาติ และเป็นที่ตั้งขอพรจากท่านเทพทันใจ แม่นางกวัก แม่กระซิบ อีกทั้งยังเป็นที่ให้เช่าบูชา วัตถุมงคลต่างๆ ของทางวัด มีศาลาเอนกประสงค์ไว้สำหรับพักผ่อน กับบรรยากาศที่ร่มรื่น หอฉัน ห้องน้ำ ก็อยู่ในชั้นนี้ด้วย
ชั้นที่ 4 เป็นการจำลองเรื่องโลกและจักรวาลด้านหน้าของทางเข้ามี เทพนพเคราะห์ 9 องค์ แทนด้วยวันทั้ง 9 มี อาทิตย์, จันทร์, อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี, ศุกร์, เสาร์, ราหู, เกตุ, พระตรีมูรติแทนด้วย โลกทั้งสาม ก่อนเข้าวงเวียนเจอ ยักษ์หลับและยักษ์ตื่น แทนกลางคืนและกลางวัน อันนี้คือความหมายทางโลก แต่ถ้าเป็นความหมายทางธรรม จะหมายถึง พุธโธ คนเราทำอะไรให้มีสติ ตรงกลางแทนด้วยเขาสุเมรุ ข้างบนสุดบนเขาพระสุเมรุ ประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย หมายถึง ผู้ที่มีบารมีเต็มเปี่ยม จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เหนือสิ่งอื่นใดในโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ และโลกชั้นพรหมถัดจากพระศรีอริยเมตไตรยลงมา มีมหาเทพต่างๆ คือ พระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ พระอินทร์ ท้ายจตุโลกบาลทั้ง 4 เทพประจำทิศ
วัดแสงแก้วโพธิญาณ ตั้งอยู่บนดอย “ม่อนแสงแก้ว” ตั้งอยู่ที่เลขที่ 191 ม.11 บ้านป่าตึง ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ขนาดพื้นที่ประมาณ 29 ไร่เศษตั้งอยู่บนเนินดอยห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีทัศนียภาพที่สวยงามมองลงมาเห็นทั้งตัวอำเภอแม่สรวย และหลายตำบลของอำเภอแม่สรวย
ขอขอบคุณโครงการดีๆ “เที่ยวตามฝัน…ครั้งหนึ่งในชีวิต” @เชียงราย โดย ททท.
ผู้ร่วมเดินทางดีๆ ” เที่ยวไหนดี กับ Silverstonetour “
อ่านเรื่องเที่ยว ดีๆ ที่นี่ เที่ยวท้องถิ่น